Past lives (2023|Celine Song)

pastlives01

Past lives – แค่ได้คิดถึงก็เป็นสุขใจ
1
ดูหนังเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว จนกระทั้งถึงวันที่เขียนซึ่งเป็นวันอังคาร ภาพในหนังก็ยังวนเวียนอยู่ในความทรงจำ แล้วเพลงแค่ได้คิดถึง (ของ ญารินดา) ก็แล่นเข้ามาในหัว เพลงนี้เคยถูกใช้ประกอบหนังเรื่อง snap แค่ได้คิดถึง (2015) มาแล้ว snap เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องความรักในวัยเรียนเช่นกันกับ past lives แม้หนังทั้งสองเรื่องจะมีบริบทและรายละเอียดที่แตกต่างกัน ทว่าใจความสำคัญที่หนังสองเรื่องที่ว่านี้มีร่วมกันคือ ความคิดถึงที่อัดอั้นอยู่ภายใน
2
past lives เป็นหนังที่มีฉากเปิดตัวเก๋มาก เป็นฉากในบาร์ หนังทำเสมือนคนดูเป็นคนขี้เผือกที่กำลังเม้าท์มอยความสัมพันธ์ของหนุ่มสาว 3 คน ซึ่งประกอบด้วย ชายเอเชีย หญิงเอเชีย และชายอเมริกา แล้วหญิงเอเชียคนนั้นก็หันหน้ามองมาทางเรา
3.
ย้อนไป 29 ปีก่อน แฮซองในวัย 12 ขวบ ได้เดทครั้งแรกและเป็นครั้งสุดท้ายกับนายอง เขาใส่เสื้อกันฝนสีน้ำเงิน ส่วนเธอใส่สีเหลือง หลังจากวันนั้น ครอบครัวนายอง ย้ายมาอเมริกา และเธอเปลี่ยนชื่อเป็น นอร่า การร่ำลาระหว่างแฮซองกับนายอง เรียบง่าย ไม่ฟูมฟาย มีเพียงแค่คำว่าลาก่อน แล้วต่างคนต่างแยกย้ายเดินกลับบ้านของตัวเอง

หากเสื้อกันฝนสีน้ำเงินที่แฮซองใส่ในวันเดทนั้นจะมีความหมายถึงความศรัทธา ความภักดี การที่เขาตามหานายอง ในวัยผู้ใหญ่จึงไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด

4.
โลกที่อินเตอร์เน็ตย่อย่นระยะห่างเหลือเพียงหน้าจอ การพบเจอกันอีกครั้งระหว่างนอร่ากับแฮซอง ก็อาจเป็นเรื่องของความรู้สึกที่นำพาพวกเขากลับมาพบกัน ภายใต้โลกที่ถูกลิขิตด้วยอินเตอร์เน็ต ทว่าความเชื่อเรื่องอินยอน* หรือโชคชะตาในภาษาไทย ก็ถูกหนังนำมาเล่าได้อย่างลงตัวกับจังหวะชีวิตของแฮซองกับนอร่า ที่ได้มาเจอกัน (ผ่าน skype) สานสัมพันธ์กันอีกครั้ง แล้วก็เลิกรากันไปใช้ชีวิตในโลกของตัวเอง จนได้หวนคืนกลับมาพานพบกันอักครั้ง ในตอนที่นอร่าแต่งงานแล้ว และแฮซองเพิ่งเลิกกับแฟน

(*อินยอน ว่าด้วยความเชื่อของคนเกาหลี ที่ผู้คนที่ได้มาเจอกันนั้นเพราะเราเคยเจอกันมาแล้วในอดีต (ทั้งการเป็นเพื่อนกัน เป็นแฟน เป็นคู่ชีวิต หรือแม้แต่การเดินสวนกันแล้วชายเสื้อสัมผัสกัน) มากกว่า 8 พัน ครั้ง)

5.
แฮซองมาหานอร่าที่นิวยอร์ก (ตามสัญญาที่เคยให้กันไว้ว่าจะมาเจอกัน) เขาใส่เสื้อโทนน้ำเงิน หากเป็นไปตามที่กล่าวไว้ข้างต้น หนังคงจะบอกกับเราว่าความคิดถึงของแฮซองที่มีต่อนอร่าคงเป็นรูปแบบหนึ่งของความศรัทธาต่อบางสิ่งในหัวใจของเขา ส่วนนอร่าเอาจริงๆ แม้เธอจะดูเด็ดขาด และตรงไปตรงมาพอสมควร ทว่าสายตา ท่าทางเมื่อได้เจอแฮซองมันกลับสะท้อนความโหยหาบางสิ่ง ไม่ใช่แค่คนรักในวัยเรียน อาจเป็นการโหยหารากเหง้าความเป็นคนเกาหลีที่เธอทิ้งไว้เบื้องหลัง

— สปอย —
6.
สิ่งที่ชอบมากๆในหนัง คือบทที่ใช้เพียงภาษากายสื่อสารกันระหว่างตัวละคร ชอบการแทนที่บทสนทนาด้วยสีหน้าและสายตาของตัวละคร อย่างฉากนั่งคุยกันหน้าม้าหมุน แล้วแอบชำเลืองมองกันนั้นดีมากๆ หรือ อาการเก้ๆกังๆ ของแฮซองตอนยืนถ่ายรูปกับสะพานบรูกลิน ก็สะท้อนถึงตัวแฮซองที่เป็นตัวแทนชายเกาหลี ที่ค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมพอสมควร แต่ถึงอย่างไรก็ตามหนังไม่ได้มีท่าทีตั้งแง่วิพากษ์วิจารณ์ความเป็นคนเกาหลีแต่อย่างใด เพราะในสายตาของคนดูที่ไม่อินเรื่องรักหรืออะไรทำนองนี้ แฮซองกับนอร่าเป็นกรณีของความสัมพันธ์ย่อย่นในโลกอินเตอร์เน็ตที่ได้เบ่งบานขึ้นอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะคุยกันถูกคอ หรือมีความชอบคล้ายๆ กัน ซึ่งข้อสังเกตเหล่านี้หนังไม่ได้บอก ดังนั้น อินยอน คือคำตอบสุดท้าย จะเห็นได้ว่า หนังเหมือนใช้อินยอนมาอธิบายความสัมพันธ์แฮซองกับนอร่า และอีกนัยหนึ่งอินยอนมันสื่อถึงความเชื่อของคนเกาหลี หรือ ความเชื่อแบบชาวพุทธของคนเอเชียนั่นเอง

7.
ในทางกลับกัน ฉากคุยกันบนเตียงของนอร่ากับอาเธอร์ก็ดีมากๆ มันเป็นฉากที่แสนธรรมดาสามัญที่สุดในเรื่อง แต่ความเรียบง่าย ความตรงไปตรงมาของบท ทำให้ฉากนี้แสดงถึงวุฒิภาวะของตัวละครที่เป็นมากกว่าแค่คู่รัก แต่มันรู้สึกถึงคู่ชีวิต การที่อาเธอร์เลือกจะเชื่อเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ทำให้ผลลัพธ์ในฉากสุดท้ายของหนัง แทบเอาตายเลยทีเดียว

8.
ฉากมองตากันระหว่างแฮซองกับนอร่าตอนยืนรอรถอูเบอร์มารับนั้น ทำเอาแทบหยุดหายใจ เราเองก็ไม่รู้ว่าสองคนนี้จะพูดร่ำลากันยังไง ทว่าหนังก็เลือกใช้ภาษากายแทนถ้อยคำทั้งหมดที่ซุกซ้อนอยู่ในใจ ยิ่งพอนึกถึง สิ่งที่แฮซองพูดกับนอร่าในบาร์ว่า ถ้าตอนนั้นเขาเลือกมานิวยอร์กแทนที่จะไปจีน ตอนนี้เขากับเธอจะเป็นยังไง จะรักกัน เลิกกัน แต่งงานกันแล้งจะมีลูกด้วยไหม ยิ่งพอนึกถึงยิ่งทำให้ฉากนี้ท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกมากมาย

หลังจากแฮซองขึ้นรถอูเบอร์ไปแล้ว ระหว่างที่นอร่าเดินกลับบ้าน ดนตรีประกอบก็ค่อยๆดังขึ้น (ซึ่งเพราะมากๆ เข้ากับเหตุการณ์ในหนังมากที่สุด) เธอเดินร้องไห้ จนมาถึงบันไดทางเข้าบ้าน อาเธอร์นั่งรออยู่นั้น ไร้การเอื้อนเอ่ยคำใด นอร่าร้องไห้สะอื้นโผเข้ากอดอาเธอร์ ฉากนี้ทำให้นึกถึง ฉากแต่งงานของผึ้งในเรื่อง snap ที่ระหว่างถ่ายรูปกับเพื่อนๆ จู่ๆ เธอก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่ว่าพวกเธอจะร้องไห้เพราะเหตุผลใดก็ตาม วันรุ่งขึ้นนอร่ากับผึ้งก็จะทำได้แค่เพียงคิดถึงใครบางคน ที่มีพื้นที่อยู่ได้แค่ในใจของพวกเธอเท่านั้น

เขียนใน films

ใส่ความเห็น